หากเพื่อนๆเป็นนักวิ่งย่อมต้องเคยมีอาการเจ็บหรืออาการเมื่อยหน้าแข้ง ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับคนที่พึ่งเริ่มต้นวิ่ง หรือวิ่งมากหรือเร็วเกินไป หรืออาจใช้รองเท้าเสื่อมสภาพ เป็นต้น
อ้างอิงจากผลการวิจัยพบว่าอาการเจ็บหน้าแข้งเป็นอาการที่พบได้บ่อยเป็นอันดับสองรองลงมาจากอาการเจ็บเข่า มีหลายวิธีที่จะช่วยป้องกันอาการนี้ได้ หนึ่งในนั้นก็คือต้องมีการฝึกท่ายืดกล้ามเนื้อแบบ Dynamic และแบบ Static ทั้งในช่วงก่อนและหลังการออกกำลังกาย
อาการ Shin Splint คืออะไร?
ถ้าแปลไทยก็คือกล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ เกิดจากการที่เราต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนเดิมซ้ำๆ ต้องเจอกับแรงกระแทกซ้ำๆ จนทำให้กล้ามเนื้อและใยกล้ามเนื้อทำงานหนัก ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบาย เจ็บ หรืออาจเกิดการฉีกขาดเล็กๆได้
วิธีป้องกันอาการ Shin Splint
- ก่อนวิ่งต้องวอร์มอัพด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้ง และมีการใช้ท่ายืดกล้ามเนื้อประเภท Dynamic Stretch ซึ่งมันมีไว้สำหรับยืดกล้ามเนื้อในช่วงก่อนออกกำลังกาย
- ต้องมีการ Cooldown หลังออกกำลังกาย โดยจะต้องใช้ท่ายืดกล้ามเนื้อประเภท Static Stretch (มีไว้ใช้หลังออกกำลังกาย) ในการยืดกล้ามเนื้อน่องและหน้าแข้งของเรา
- ต้องมีการปรับปรุงฟอร์มการวิ่งให้ดี ไม่ก้าวขายาวเกินไป เพราะมันจะทำให้ร่างกายต้องเจอแรงกระแทกมากกว่าเดิม เราควรก้าวเท้าสั้นๆ แต่สับขาเร็ว
- ค่อยๆเพิ่มระยะทางการวิ่งทีละน้อย อย่าฝืนเพิ่มระยะทางมากเกินไปจนร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ทัน
- ควรมีวันที่เราต้องพักผ่อนอย่างเคร่งครัด อาจจะมีกิจกรรมฟื้นตัวที่ต้องมีการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เดินเล่นเบาๆ ฝึก Cross training แบบเบาๆ ไม่ให้ร่างกายต้องเจอกับแรงกระแทก
- เลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะสมกับเท้าเรา
- ฝึกยืดกล้ามเนื้อหน้าแข้งเพื่อเพิ่มระดับความคล่องตัว
- ต้องมีการฝึก Strength training เพื่อเสริมความแข็งแกร่งโดยรวม จะช่วยลดโอกาสในการได้รับบาดเจ็บได้
ยกตัวอย่างเช่นท่าเหล่านี้
ท่า Calf Raise
- เริ่มต้นด้วยการยืนตัวตรง กางขาให้กว้างกว่าหัวไหล่เล็กน้อย วางมือไว้ข้างลำตัว
- ใช้ปลายเท้ายกตัวขึ้นมา
- กลับสู่ท่าเริ่มต้น
- ทำซ้ำให้ได้ 15-20 วินาที ขึ้นอยู่กับระดับความฟิตของร่างกาย
Note. เมื่อฝึกท่านี้จนชำนาญแล้วก็สามารถถือดัมเบลไว้ในมือเพื่อเพิ่มความยากได้ หากเป็นมือใหม่ก็สามารถฝึกท่านี้โดยที่นั่งเก้าอี้อยู่ได้นะ
ใช้หลัก RICE ในการจัดการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
- Rest : แปลว่าการพัก ในช่วงวันพักเราก็ยังสามารถออกกำลังกายแบบที่ไม่มีแรงกระแทกได้อยู่ เช่น ว่ายน้ำ เป็นต้น
- ICE : ประคบน้ำแข็งที่หน้าแข้ง 3-4 ครั้งต่อวัน ครั้งละ 15 นาที
- Compression : การใส่ Compression Sock หรือถุงน่องการแพทย์ จะช่วยประคองไม่ให้เกิดการเขย่ากล้ามเนื้อ ช่วยลดการสั่นสะเทือน
- Elevation : เราสามารถ “ยกขาขึ้นมา” ในระหว่างการประคบน้ำแข็ง จะช่วยลดอาการอักเสบได้
หากอาการปวดหน้าแข้งไม่หายไป ก็ให้ลองทำตาม 4 ข้อด้านบนนี้ได้เลย หากอาการแย่มากก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ อย่าปล่อยไว้เดี๋ยวมันจะหนักกว่าเดิม อาจจะไปไกลถึงขั้นกระดูกร้าวได้
ต่อไปจะเป็นท่ายืดกล้ามเนื้อประเภทไดนามิก ท่าเหล่านี้เราจะมีไว้ใช้ในช่วงวอร์มอัพก่อนการออกกำลังกายเท่านั้น
ท่ายืดกล้ามเนื้อแบบไดนามิก (Dynamic stretch)
ท่าที่ 1 : Heel Rolls
ในคลิปตัวอย่างจะเป็นการเอนตัวไปเฉพาะด้านหน้า แต่ให้เพื่อนๆทำตามคำอธิบายด้วยการเอนตัวไปด้านหลังด้วยนะ
- เริ่มต้นด้วยการยืนตัวตรงกางขาเล็กน้อยวางมือไว้ด้านข้างลำตัว
- เอนตัวมาด้านหน้าแล้วยกตัวขึ้นด้วยปลายเท้า
- วางส้นเท้าลงมาพร้อมกับเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย
- ทำไปเรื่อยๆจนได้ 30 วินาที
ท่าที่2 : Toe Walks
- เริ่มต้นด้วยการยืนตัวตรงกางขาเล็กน้อยวางมือไว้ด้านข้างลำตัว
- ยกตัวขึ้นมาด้วยปลายเท้า ยืดกล้ามเนื้อน่อง
- เดินไปข้างหน้าและเดินถอยกลับมาโดยใช้เท้าส่วนหน้า
- ทำไปเรื่อยๆจนได้ 30 วินาที
ท่าที่ 3 : Heel Walks
- ยืดตัวตรงกางขาเล็กน้อย มือวางไว้ข้างลำตัว
- เอนตัวทิ้งน้ำหนักลงส้นเท้า รักษาการทรงตัวให้ดี
- เดินไปด้านหน้าด้วยส้นเท้า
- ทำจนได้ 30 วินาที
จำไว้ว่าท่าที่ถูกจัดไว้ในหมวด “ไดนามิก” จะมีไว้ใช้สำหรับตอนก่อนออกกำลังกายเท่านั้น ส่วนท่าในหมวด Static มีไว้ใช้หลังออกกำลังกายเท่านั้นซึ่งท่าที่เหลือต่อไปนี้จะอยู่ในหมวดนี้ทั้งหมด
เคล็ดลับในการฝึกท่าในหมวด Static stretching
- เวลายืดกล้ามเนื้อให้ยืดค้างไว้ 45-60 วินาทีเพื่อให้ได้ผลดีสูงสุด
- ในระหว่างยืดกล้ามเนื้อก็ควรผ่อนคลายให้มากที่สุด
- หายใจลึกๆขณะยืดกล้ามเนื้อ ในทุกการหายใจออก ควรจะยืดกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย
- ยืดกล้ามเนื้อเบาๆ เราควรรู้สึกตึงไม่ใช่เจ็บ หากรู้สึกเจ็บควรผ่อนลงหรือหยุดโดยทันที
ท่าที่ 4 : Heel Sits
- นั่งคุกเข่า เอาส่วนบนของเท้าวางลงบนพื้น (ในคลิปตัวอย่างจะยกส้นเท้าตั้ง)
- นั่งลงมาให้ไกลที่สุดจนกระทั่งรู้สึกว่ากล้ามเนื้อยืด หากต้องการยืดให้ลึกก็ให้นั่งถึงส้นเท้า
- ทำให้ได้ 45-60 วินาที
ท่าที่ 5 : Heel Sits with Backward lean
ท่านี้จะคล้ายกับท่าที่ 4 แต่ให้เพื่อนๆเอนตัวไปด้านหลังเพิ่มตามคำอธิบายในข้อ 3
- นั่งคุกเข่าเอาเท้าส่วนบนวางราบกับพื้น
- นั่งลงบนส้นเท้า
- ค่อยๆยกเข่าขึ้นจากพื้น และเอนตัวไปด้านหลังเพื่อยืดกล้ามเนื้อให้มากขึ้น
- ทำให้ได้ 45-60 วินาที
ท่าที่ 6 : Heel Sits with Active Toes
- นั่งในท่าคุกเข่าเอาปลายเท้าปักลงพื้น
- นั่งลงไปให้ไกลจนรู้สึกว่ากล้ามเนื้อถูกยืด และถ้าทำได้ควรนั่งให้ถึงส้นเท้าเลย
- เพื่อยืดกล้ามเนื้อให้มากขึ้น ไม่ต้องเอามือวางลงพื้นแต่ให้วางไว้ที่เอวทั้งสองข้าง
- ทำให้ได้ 45-60 วินาที
ท่าที่ 7 : Low Lunge Ankle Stretch
ท่านี้จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้ข้อเท่าและที่พิเศษคือมันเป็นท่าที่อยู่ทั้งในหมวดไดนามิกและ Static เลย แต่ถ้าหากจะใช้เป็นท่าไดนามิกเวลายืดแต่ละครั้งก็ขอให้ทำให้ได้ 2 วินาที
- ให้เริ่มต้นด้วยการอยู่ในท่า Low Lunge โดยเอาเข่าขวาและเท้าซ้ายวางบนพื้น งอเข่าทั้งสองข้าง 90 องศา
- เลื่อนเข่าซ้ายไปด้านหน้าจนกระทั่งรู้สึกว่ามีการยืดของกล้ามเนื้อน่อง
- ทำค้างไว้ 45-60 วินาที
- เปลี่ยนข้าง
ท่าที่ 8 : Standing Shin Stretch
- ยืนตัวตรงแล้วงอเข่าเล็กน้อย
- วางเท้าซ้ายไว้บนพื้นตลอดเวลา ยกเท้าขวา ชี้ปลายเท้า และวางเท้าส่วนหน้าลงบนพื้น
- ปักนิ้วเท้าไว้ที่พื้น เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยจนกระทั่งรู้สึกว่าเกิดการยืดกล้ามเนื้อหน้าแข้งขวา
- ทำค้างไว้ 45-60 วินาที
- เปลี่ยนข้าง
ท่าที่ 9 : Seated Shin Stretch
ท่านี้ก็เหมือนท่าที่ 8 แต่เราจะฝึกมันตอนนั่งเก้าอี้ เป็นท่าที่เราสามารถฝึกได้ทุกที่ทุกเวลา
- นั่งตัวตรงบนเก้าอี้
- ตำแหน่งเท้าต้องอยู่ใต้ตำแหน่งหัวเข่า
- ชี้ปลายนิ้วเท้าขวาแล้วเอาปักวางบนพื้นเบาๆ
- ดันเข่าขวาไปด้านหน้าเบาๆจนกว่าจะรู้สึกถึงการยืดกล้ามเนื้อ
- ทำค้างไว้ 45-60 วินาทีแล้วจึงเปลี่ยนข้าง
ท่าที่ 10 : Seated Ankle Mobility Shin Stretch
ในคลิปตัวอย่างจะเป็นการนั่งกับพื้น แต่ให้เพื่อนๆนั่งบนเก้าอี้ตามคำอธิบายด้านล่าง
- นั่งลงบนเก้าอี้ ตำแหน่งเท้าต้องอยู่ตรงด้านล่างตำแหน่งหัวเข่า
- เอาข้อเท้าขวาวางบนเข่าซ้าย
- ดึงเท้าขวาไปด้านหลังแล้วงอนิ้วเท้า จะเป็นการยืดกล้ามเนื้อหน้าแข้ง
- ทำค้างไว้ 45-60 วินาทีแล้วเปลี่ยนข้าง
ท่าที่ 11 : Lying Down Shin Stretch
- นอนหันข้างลงบนพื้น
- งอเข่าที่อยู่ด้านล่าง มาข้างหลัง เอามือจับปลายเท้าไว้
- ดึงปลายเท้ามาด้านหลัง ชี้นิ้วเท้าตลอดเวลา
- ทำให้ได้ 45-60วินาทีแล้วจึงเปลี่ยนข้าง
จบแล้ว อย่าอย่าลืมไปหาอ่านบทความยืดกล้ามเนื้อน่องด้วยนะเพื่อนๆ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงอาการ Shin Splint ได้มากขึ้น
แหล่งที่มา :
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming