5 วิธีการวิ่งอย่างไรไม่ให้เจ็บเข่า เรียกได้ว่า การวิ่ง เป็นการออกกำลังกายที่ใคร ๆ ก็สามารถเริ่มได้เลย ทำได้ง่าย และ ประหยัด แต่บางครั้งการวิ่ง ที่ไม่ถูกต้อง ท่าทางการวิ่ง รวมถึงรองเท้า สภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย ก็อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้ ทั้งบริเวณ เข่า ข้อเท้า และ หลัง ได้เช่นกัน
เพราะ การวิ่ง ที่ถูกท่าทางคือ ศีรษะต้องตั้งตรงเป็นแกนเดียวกับลำตัว ไม่ก้มหรือเงบ สายตามองตรงไปข้างหน้าในระยะ 30-40 เมตร ลำตัวต้องตั้งเป็นเส้นตรง ตั้งแต่ศีรษะลงไปถึงเท้า ทิ้งน้ำหนักตัวและเอนตัวไปข้างหน้า เข่าและเท้า โดยลงส้นเท้า ลงปลายเท้า ซึ่งเราสามารถทำสลับกันได้ ท่าทางที่ถูกต้องจะช่วยลดปัญหาปวดข้อ ปวดหลัง และยังทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดี เพื่อ การวิ่ง ที่ถูกท่าทาง ถูกลักษณะ ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ มาถู 5 วิธีวิ่งอย่างไรไม่ให้เจ็บเข่ากันดีกว่า
1.อบอุ่นร่างกายและยืดกล้ามเนื้อ
โดยเริ่มจากการเดินเร็ว หรือ การวิ่งเหยาะ ๆ ก่อนที่จะวิ่งอย่างเต็มที่ รวมทั้งรวรยืดกล้ามเนื้อรอบเข่า และข้อเท้า เพื่อให้การปรับตัวของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการออกกำลังกาย เช่น การเหยียดเข่าตรง พร้อมกับการเก็งกล้ามเนื้อต้นขาค้างไว้ 5 วินาทีต่อครั้ง ทำประมาณ 10-20 ครั้งต่อวัน
2.ตรวจลักษณะเท้า
ที่พบเห็นคือ ภาวะเท้าแบน หมายถึง ถ้าคุณมีเท้าแบนหรือไม่มีอุ้งเท้าสูงเพียงพอ เวลาวิ่งนาน ๆจะทำให้เกิดอาการปวดเข่าและข้อเท้าได้
3.การวิ่งที่ผิดลักษณะ
ไม่ควรวิ่งโดยการก้าวเท้ายาว หรือ ยกเข่าสูงเกินไป เพราะจะทำให้ข้อเข่าต้องงอมากเกินความจำเป็น วิธีนี้ก่อให้เกิดปัญหาปวดเข่าได้ง่าย
4.การวิ่งที่ถูกลักษณะ
คุณควรวิ่งโดยลงน้ำหนักที่ส้นเท้า การวิ่งโดยลงน้ำหนักที่ปลายเท้านาน ๆ จะทำให้เกิดแรงกระชากพังผืดฝ่าเท้าปวดกล้ามเนื้อน่อง และยังเกิดแนวแรงที่ผิดปกติผ่านต่อข้อเข่า ทำให้ต้องงอข้อเข่ามากขึ้นในขณะวิ่ง และอาจทำให้เกิดการปวดเข่าด้านหน้าได้
5.รองเท้าก็สำคัญ
การเลือกซื้อรองเท้าก็มีส่วนสำคัญ ต้องเลือกให้เหมาะสมกับขนาดเท้าที่ใช้ควรมีพื้นกันแรงกระแทกที่เพียงพอและมีความกระชับพอดีกับเท้า
แต่ถึงอย่างไร หากคุณมีภาวะข้อเสื่อมอย่างชัดเจน เราขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนวิธีออกกำลังกายด้วยวิธีอื่น ๆ แทน เช่น ว่ายน้ำ โยคะ แทนการวิ่ง เพราะถ้าคุณฝืนที่จะวิ่งในสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยแล้วหล่ะก็ จะเกิดอันตรายกับร่างกายของคุณได้อย่างแน่นอน