6 ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการเลิกทานน้ำตาล
เพื่อนๆเคยลองไม่ทานน้ำตาล 1 เดือนเต็มหรือยัง มันเป็นอะไรที่ท้าทายแต่มันคุ้มค่ามาก เชื่อหรือไม่ว่าอาหารในซุปเปอร์มาร์เก็ต 80% จะมีน้ำตาลในนั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในน้ำผลไม้ , โยเกิร์ต , กราโน่ล่าบาร์ , ซีเรียล , ผักกระป๋องและในซอส โดยปกติแล้วคนอเมริกันจะบริโภคน้ำตาล 17 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งมากกว่าปริมาณที่แนะนำถึง 2 เท่า
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า เราควรลดการทานน้ำตาลที่อยู่ในอาหารลง (เช่น น้ำตาลในเค้ก , ของหวาน , อาหารสำเร็จรูป) ให้เหลืออยู่ในปริมาณที่น้อยกว่า 10% ของพลังงานที่เราได้รับในแต่ละวัน หรือไม่เกิน 50 กรัมต่อวัน (10 ช้อนชา) สำหรับผู้ใหญ่ แต่ถ้าลดลงน้อยกว่านั้นมันจะดีกว่ามาก
น้ำตาลนั้นมีชื่อเรียกในฉลากหลายแบบ
และทางผู้ผลิตก็ฉลาดที่จะเลี่ยงใช้คำว่าน้ำตาลเสียด้วย ซึ่งเขาจงใจซ่อนโดยเปลี่ยนไปใช้คำอื่นดังนี้ Dextrose , Fructose , Galactose , Glucose , Lactose , Maltose , Sucrose , Maltodextrin , High-Fructose Corn Syrup , Corn syrup , Caramel syrup
น้ำตาลฟรักโทสตามธรรมชาติ VS แบบชัดสี
คนจำนวนมากคิดว่าตัวเองควรเลิกทานผลไม้เพื่อเลี่ยงน้ำตาล แต่น้ำตาลฟรักโทสไม่ได้เหมือนกันหมด ถ้าเราทานแอปเปิ้ลเราจะได้รับน้ำตาลฟรักโทสแบบธรรมชาติ แถมยังได้รับวิตามิน , แร่ธาตุและไฟเบอร์ ซึ่งจะทำให้การย่อยช้าลง
ส่วนน้ำตาลฟรักโทสแบบที่พบในอาหารนั้นจะต่างกับในผลไม้ เพราะมันทำมาจากข้าวโพดหรืออ้อย ถ้าทานเข้าไปเยอะๆมันจะเพิ่มการดื้อต่อเลปติน (Leptin resistance) ทำให้เราหิวบ่อยยิ่งขึ้นทำให้น้ำหนักขึ้นได้ นอกจากนี้การได้รับน้ำตาลจากน้ำอัดลมเป็นประจำจะทำให้เราเป็นโรคไขมันพอกตับ (fatty liver disease) ได้
จากนี้ไปคือ 6 ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการเลิกทานน้ำตาล
1. มันจะทำให้เรามีสติที่เฉียบคมตลอดเวลา
การทานน้ำตาลและไขมันมากเกินไปจะทำให้กระบวนการทำงานของสมองแย่ลง การวิจัยจากมหาวิทยาลัย South Wales in Australia ได้ยืนยันถึงเรื่องนี้แล้ว
2. มันจะทำให้ระดับความดันโลหิตลดลง
การมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นนั้นเกิดจากการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป และทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะมีความดันโลหิตสูง จนสามารถนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ , เกิดความเสียหายกับไต , เกิดโรคร้ายอื่นๆ
ถ้าหากเราเลิกทานน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง , ออกกำลังกายและคุมน้ำหนัก , เลิกสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงความเครียด , ก็จะช่วยลดความดันโลหิตได้แน่นอน
3. ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นเบาหวาน
ข้อมูลการวิจัยจากวารสาร Diabetes Care Journal ระบุว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เช่นน้ำอัดลม เป็นประจำ วันละสองแก้วหรือมากกว่านั้น จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรค Metabolic syndrome , เบาหวาน นอกจากน้ำอัดลมแล้วเรายังต้องคอยระวังอาหารชนิดอื่นที่มีการเติมน้ำตาลอีกด้วย
4. เราจะมีอาการอยากอาหารน้อยลง
การลดการบริโภคน้ำตาลจะทำให้เรามีอาการอยากน้ำตาลลดลงไปอย่างต่อเนื่องตามกาลเวลา น้ำตาลสามารถทำให้เรามีอาการเสพติดมันได้ ยิ่งทานเข้าไปมากร่างกายยิ่งต้องการ การเลิกทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง มันจะยากในช่วงแรกแต่เราจะสังเกตได้ชัดเจนเลยว่าอยากทานน้ำตาลน้อยลง
5. ประหยัดเงิน
นอกจากการซื้อขนมและเครื่องดื่มจะเปลืองแล้ว การรับประทานน้ำตาลมากนั้นเปลืองเงิน เพราะน้ำตาลจะทำให้ฟันผุแถมยังลดภูมิคุ้มกันด้วย เมื่อเราป่วยก็ต้องไปโรงพยาบาลจึงต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นอีก
6. เราจะมีพลังงานมากขึ้น
เพื่อนๆสังเกตได้ว่าเรามักจะง่วงนอนหลังจากที่ทานอาหารกลางวันที่มีน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตสูง น้ำตาลจะทำให้เราเฉื่อยลงและมีความเชื่อมโยงกับอาการซึมเศร้า ครั้งต่อไปที่เพื่อนๆรู้สึกว่าตัวเองหมดแรงบันดาลใจ ให้คิดได้เลยว่าเกี่ยวกับอาหารแน่ๆ เราจึงควรทานอาหารสดและไม่ได้ผ่านกระบวนการผลิตให้มากขึ้น
จะเริ่มต้นลดน้ำตาลอย่างไรดี
การเลิกน้ำตาลนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในข้ามคืน ให้เราเริ่มต้นจากการงดทานอาหารที่มีการเติมน้ำตาลลงไปก่อน ให้เราทานอาหารที่มีความสมดุล มีความสดและไม่ได้ผ่านกระบวนการผลิต และถ้าหากเราชอบดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำอัดลมก็ให้ลดจำนวนลงจนกว่าจะสามารถเลิกดื่มได้ และอย่าเติมน้ำตาลลงในชาและกาแฟ
มันอาจใช้เวลานานสักหน่อยกว่าจะเลิกได้ แต่เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าตัวเรามีพลังงานมากขึ้นและรู้สึกดีขึ้นแน่นอน
ที่มา : https://bit.ly/3iFlhMd
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming