การฝึกท่าดริลจะช่วยส่งเสริมเทคนิคในการวิ่ง ช่วยให้มีประสิทธิภาพในการวิ่งมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดโอกาสในการได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นนักวิ่งที่มีการฝึกท่าดริลจึงวิ่งได้ดีมากกว่าคนที่ไม่ได้ฝึก
8 ท่าดริลสำหรับส่งเสริมฟอร์มการวิ่ง ที่เพื่อนๆควรฝึก
ท่าดริลเหล่านี้สามารถฝึกได้ในสนามหญ้าหรือบริเวณที่มีพื้นนุ่ม ให้เราฝึกท่าดริลหลังวอร์มอัพหรือหลังการฝึกวิ่งก็ได้ โดยในการฝึกแต่ละเซ็ตนั้นเราจะต้องใช้ระยะทาง 10-20 เมตร ให้ฝึกท่าละ 2-3 เซ็ต ในแต่ละสัปดาห์เราควรมีวันฝึกท่าดริล 1-2 วัน
1. ท่า Side-to-Side Skip
ท่านี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและช่วยฝึกฝนการทำงานประสานกัน เราจะใช้วิธีกระโดดไปด้านข้างเอาเท้าเข้าหากัน และไขว้แขนเอาไว้ด้านหน้า
2. ท่า Carioca, Grapevine
ท่านี้เราจะเดินไปด้านข้างแล้วไขว้ขาหน้าหลังสลับกันไปเรื่อยๆ สำหรับคนไม่เคยฝึกให้เริ่มทำช้าๆ ไปก่อนจนกระทั่งเริ่มปรับตัวได้ อย่าลืมกางแขนเพื่อช่วยในการทรงตัวด้วย
3. ท่า A-Skip
ท่านี้จะช่วยฝึกกล้ามเนื้อสะโพกและกล้ามเนื้อด้านหลังต้นขา เวลาฝึกให้ยกเข่าสูงๆ หากยังไม่ชำนาญให้เริ่มทำช้าๆ ก่อนจนกระทั่งเกิดความเคยชิน
4. ท่า B-Skip
ท่านี้มันจะคล้ายกับท่า A-Skip จะต่างกันตรงที่เราต้องยื่นขาไปด้านหน้าสลับกันไป สามารถดูตัวอย่างจากในคลิปได้เลย
5. ท่า Butt Kicks
เป็นท่ายอดนิยมของพวกนักวิ่งและนักกีฬา ส่งผลดีต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ ทั้งยังเสริมความแข็งแรงและความทรหดของกล้ามเนื้อ ตอนฝึกในจังหวะยกเข่าเราต้องยกเท้าเตะก้นตัวเองไปด้วย
6. ท่า High Knees
ท่านี้จะเป็นท่าวิ่งยกเข่า จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อแกนกลาง กล้ามเนื้อขา ช่วยฝึกการประสานงานของอวัยวะส่วนต่างๆ
7. ท่า Straight Leg Run
เป็นท่าวิ่งยกขาตรง ฝึกไปนานๆ จะช่วยเพิ่มความเร็วในการสับขาตอนวิ่ง และส่งเสริมการทำงานแบบประสานกัน จังหวะตอนวิ่งจะคล้ายกับท่า B-Skip และ A-Skip
8. ท่า Ankling
ฝึกท่านี้ไปนานๆ จะช่วยลดโอกาสในการได้รับบาดเจ็บจากการวิ่ง ช่วยลดความแน่นของกล้ามเนื้อข้อเท้า ช่วยทำให้เราก้าวขาได้ไกลมากขึ้น
แหล่งที่มา : https://bit.ly/4gFL7xQ
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming