ทำไมนักวิ่งจึงมีอาการปวดหลัง
เมื่อพูดถึงอาการบาดเจ็บของนักวิ่ง เรามักจะมุ่งเน้นไปที่การบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า, หน้าแข้ง, เท้า และสะโพก น้อยคนนักที่จะนึกถึงอาการบาดเจ็บที่หลัง ซึ่งเป็นอาการที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยในหมู่นักวิ่งระยะไกล แต่ก็มีนักวิ่งบางคนที่มีอาการปวดหลัง โดยเฉพาะนักวิ่งที่เพิ่งเริ่มเล่นกีฬา
สาเหตุการปวดหลังของนักวิ่ง
Jean-Francois Esculier นักวิ่ง นักกายภาพบำบัด และผู้ช่วยศาสตราจารย์ทางคลินิกของมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ได้อธิบายถึงสาเหตุของอาการปวดหลังในนักวิ่งและคำแนะนำในการปฏิบัติตัวไว้ดังนี้
อาการปวดหลังส่วนใหญ่ของนักวิ่งจะเกิดขึ้นที่บริเวณหลังส่วนล่าง แต่สาเหตุมักมาจากการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น การเคลื่อนไหวระหว่างวันให้มากขึ้น นั่งอยู่กับที่นานๆ ให้น้อยลง จะช่วยป้องกันอาการปวดหลังได้
แต่ก็มีบางกรณีที่การวิ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการปวดหลังได้ โดยสาเหตุของอาการปวดหลังในนักวิ่งที่พบบ่อยที่สุด มี 2 ปัจจัย คือ
- การเพิ่มความเร็วในการวิ่งที่เร็วเกินไป
- การเพิ่มปริมาณการวิ่งลงเนินที่เร็วเกินไป

ทั้งสองอย่างนี้ทำให้กระดูกสันหลังยืดขยายตัวมากขึ้นในขณะวิ่ง และการวิ่งลงเนินจะส่งผลกระทบต่อหลังส่วนล่างมากขึ้น สำหรับนักวิ่งที่เพิ่มความเร็วในการออกกำลังกายมากเกินไป หรือการวิ่งลงเนินที่เร็วเกินไป อาจทำให้ข้อต่อบางส่วนในบริเวณหลังได้รับการรบกวนจนมีอาการปวดหลังได้ แต่มักจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น และไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลจนเกินไป
วิธีรักษาอาการปวดหลังของนักวิ่ง
อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกเจ็บหลังขณะวิ่ง ควรหยุดพักสัก 2-3 วัน หรืออาจใช้วิธีเดินไปก่อน เมื่ออาการปวดหลังเริ่มรู้สึกดีขึ้น จึงค่อยเริ่มวิ่งช้าๆ สลับกับการเดินบนพื้นราบ เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวและแรงกระแทกของกล้ามเนื้อหลัง จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มระดับจนกว่าจะสามารถกลับมาวิ่งด้วยความเร็วหรือวิ่งขึ้นลงเนินโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร
ระยะเวลาการฟื้นตัวจากอาการปวดหลังขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน บางคนฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว ในขณะที่บางคนอาจต้องใช้เวลานาน ซึ่งวิธีที่จะช่วยให้หลังฟื้นตัวได้เร็วคือ “การเคลื่อนไหวร่างกาย” ไม่ใช่การนั่งหรือนอนอยู่กับที่
หากมีอาการปวดหลังบ่อยๆ แนะนำให้ปรับการเดิน เช่น ก้าวเท้าสั้นๆ พยายามวิ่งให้นุ่มนวลขึ้น และลดการเกิดแรงกระแทกให้ได้มากที่สุด หรืออาจเปลี่ยนรองเท้าวิ่งเป็นแบบ less cushioning
วิธีที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่งในการหลีกเลี่ยงอาการปวดหลังคือ การนั่งให้น้อยลง และเคลื่อนไหวให้มากขึ้นตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ควรฝึก strength training โดยเน้นการฝึกไปที่ช่วงลำตัวและสะโพก หากเป็นนักวิ่งมือใหม่หรือต้องการเพิ่มระยะทางในการฝึกวิ่ง ให้ฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เวลาร่างกายได้ปรับตัวเข้ากับปริมาณการฝึกที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและลดโอกาสในการได้รับบาดเจ็บจากการวิ่ง
ที่มา : https://bit.ly/3s1BzDU
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming