Hoka Carbon X “เราไม่ดีดนะ เราไหล”
ตอนนี้ถ้านอกจาก Nike Next% ก็มี Hoka Carbon X นี่แหละที่กระแสมาแรงสุดๆ
HOKA ถือเป็นเจ้าแห่ง Maximal shoes กับความเชื่อที่ว่า รองเท้ายิ่งหนายิ่งรับแรงกระแทกบวกกับกระแส Nike 4% มาช่วยลบภาพจำที่ว่า “รองเท้าสาย performance ประเภท Racing Flat ต้องบาง เบา” ทำให้กระแส HOKA ดีขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยให้ Nike ที่มาที่หลังในเรื่องความหนา นำหน้าอยู่นานในที่สุด Hoka ต้นตำรับรองเท้าแนว Maximal ก็ปล่อยรองเท้าที่เน้น Performance อย่างจริงจัง
ซึ่งนอกจากจะอัพเดตโฟมใหม่แล้ว ตัวนี้ยังพิเศษตรงที่เพิ่มแผ่น Carbon plate โดยเปิดตัวแบบปังๆ กับ Project CarbonX: A 100k world record attempt เรียกได้ว่า project นี้อาจจะทำไม่สำเร็จตามเป้า100% แต่ก็ได้ 80 km. world record ใหม่เป็นรางวัลปลอบใจ และที่เกินความคาดหมายกว่านั้นก็คือ project นี้เรียกพื้นที่สื่อได้อย่างหมดจด ทุกคนต้องการ Carbon X เพราะมันคือ “รองเท้าที่ใช้ทำสถิติโลกในระยะ 80 km.” อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
General Info
HOKA ภูมิใจนำเสนอมากในช่วงที่ผ่านมากับเทคโนโลยี “PROFLY” เพราะเป็นโฟมพิเศษที่ความหนาแน่นของโฟมช่วงด้านหน้าและด้านหลังไม่เท่ากัน คือพูดง่ายๆ โฟมตัวนี้ ช่วยให้ “ด้านหลังนุ่ม ด้านหน้าแน่นเด้ง” ส่วนใน CarbonX ใช้โฟมพิเศษแบบใหม่ที่เรียกว่า “PROFLY X” ซึ่งล้ำไปจากความภาคภูมิใจเดิมไปอีก
Weight us9 = 240 กรัม ถือว่าน้ำหนักเยอะถ้าเทียบกับรองเท้าสาย performance ในตลาด
Sizing ใส่ตรง size ได้เลยไม่ต้องเพิ่มแถมตัวนี้หน้ากว้างใช้ได้เลย
Upper info
ตามสเปคหน้าผ้าใช้ engineered mesh ใส่แล้วหน้าเท้ากว้างโปร่งสบายจริง น่าจะเป็น racing อีกหนึ่งรุ่นที่โดนใจคนเท้ากว้าง และที่สำคัญระบายดีเลย
ช่วงลิ้นรองเท้าเป็นแบบบาง ไม่นุ่มเวลาใส่ไป ทำให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเท้าดี ตรงลิ้นถ้าเข้าไปดูด้านในจะมีผ้าบางๆ ช่วยประคองเท้าทำให้กระชับเวลาวิ่งเร็ว ตรงนี้ตอนลองใส่ครั้งแรกรู้สึกแน่นนิดๆ พอใส่ไม่ถึง 20 km. ผ้าตรงนี้จะยืดเข้ากับเท้าพอดี อาการแน่นก็หาย
Midsole info
ไฮไลท์ของจริงอยู่ตรงนี้กับโฟมใหม่ที่เรียกว่า PROFLY X ที่อยู่บน Carbon Plate และปิดท้ายโดยโฟมยางอีกชั้น เหมือนแซนวิชที่ไส้ตรงกลางเป็น Carbon plate
ความรู้สึกหลังลองใส่คือนุ่มกลางๆ ไม่นุ่มไปหรือแข็งเกิน ส่วนเทคโนโลยีไฮไลท์ที่เชื่อว่า ถ้าทำแล้วทำให้เชื่อว่ามีแรงดีดส่งดี ส่วนตัวกลับเฉยๆยังไงก็คิดว่า ความเด้งสู้ Nike 4% และ Newton Distance ไม่ได้ แต่ข้อดีคือรองเท้าไม่ยวบเลยแม้แต่น้อย
ส่วนที่น่าสนใจจริงๆคือเทคโนโลยี Meta Rocker (นึกภาพไม่ออกให้นึกถึงม้าโยกเด็ก) การที่หน้ากว้างๆ และหัวเชิดๆ แบบไม่เกรงใจคนใส่เดิน ลักษณะนี้ทำให้ Carbon X วิ่งแล้วไหลมากๆ อารมณ์แบบก้าวขามาเหอะเดี๋ยวรองเท้าช่วยผลักไปข้างหน้าให้ โดยเฉพาะคนที่วิ่งโดยเน้นรอบขาน่าจะชอบมาก “เพราะจะวิ่งไหล จนหัวใจทะลุโซน”
Outsole Info
Rubberized Foam ก็คือชั้นที่ถัดจาก Carbon plate เลย ตามสเปคบอกเบา และเด้ง เอาอีกแล้วเอาคำว่าเด้ง มาล่ออีกแล้ว ซึ่งหลังจากลองใส่ ความรู้สึกเด้งไม่ชัดเจน แต่รู้สึกว่าพื้นยึดเกาะดีมากๆ ประกอบกับด้วยฐานที่กว้างทำให้รู้สึกมั่นคงมากๆ ซึ่งหนึ่งใน session ที่ได้ทดลองรองเท้าฝนตกพอดี ก็ไม่ลื่นเลย และหลังจากใช้มา เกิน 60 km. ก็ถือว่าทนทานใช้ได้เลย
Conclusion
คำถามที่ค้างอยู่ในใจตั้งแต่แรกเห็นคือ CarbonX vs Nike 4% ตัวไหนดีกว่า? ในแง่ความเด้ง น้ำหนักตอบแบบไม่กลัวขายของไม่ได้คือ Nike 4% ดีกว่า แต่ๆๆๆๆ สำหรับคนที่หน้าเท้ากว้าง และเท้าแบน ตัวนี้ฐานรองเท้ากว้างน่าจะใส่ง่ายกว่าเยอะ ถึงแม้จะเด้งสู้ 4% ไม่ได้ แต่วิ่งแล้วไหล ไปได้เรื่อยๆ ไม่ยวบดูดแรงเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจาก Carbon plate ถึงแม้ไม่ดีด แต่ไม่มียวบย้วยแน่นอน
โดยรวมถือว่าเป็นรองเท้าที่ดีมาก ใส่ซ้อม ใส่แข่งทุกระยะได้สบายๆ แต่อาจไม่เหมาะกับคนที่หารองเท้าคู่เดียว ใส่วิ่ง ใส่เดิน ใส่เล่นฟิตเนส รองเท้าสมคำโฆษณา ที่ได้รับรู้ผ่านสื่อ Project Carbon X ว่านี่คือรองเท้าที่เน้น Performance สำหรับวิ่งระยะไกล ก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ ไม่เถียง แต่ถ้าคนที่คาดหวังว่าการใส่ Carbon Plate ในรองเท้าแล้วจะช่วยให้ดีดเด้งนั้นอาจผิดหวัง แต่อาจจะได้ประสบการณ์การวิ่งใหม่ๆ เพราะ Carbon X “ไม่ดีด แต่ไหล” นั่นเอง
ขอบคุณ รีวิวจาก คุณโป้ง ร้าน Run 2 paradise
สนใจ รองเท้า อุปกรณ์วิ่ง ทุกชนิด คลิกที่นี่
ติดตาม Facebook Page Run 2 Paradise