[Performance Review] Hoka One One Clifton 5
รองเท้าวิ่งถนน รุ่น flagship ของขาใหญ่แนว Maximal อย่าง Hoka One One
“หนา แน่น สบายเท้า และ มี option สำหรับคนเท้ากว้าง“
หนนี้เราตั้งใจให้ OUT RUN crew (เรียกให้ถูกต้อง คือ OUT RUN crew ) ของเรา ที่ไม่เคยลองวิ่งรองเท้ายี่ห้อนี้มาก่อนเลย เป็นผู้ทดลอง
ระยะทดลอง ราว 60 กม
ระยะการใช้งานแต่ละครั้ง 10 – 21 กม
เพซ 4:30 – 8:00 นาที/กม
พื้นผิว ถนน หญ้า ดิน (light trail / dirt road)
(ใครรู้จักยี่ห้อนี่อยู่แล้ว ข้ามไปย่อหน้าถัดไปได้เลย)
ก่อนอื่น เราจะพามารู้จักกับรองเท้าชื่อ Hoka One One ที่ออกเสียง ตามภาษาเมาลี (ในประเทศนิวซีแลนด์) ว่า โฮก้า โอเน่ โอเน่
หรือ น่าจะคุ้นหูกว่า เวลาบอกเสียงว่า โฮก้า วัน วัน ตามที่แบรนด์ปรับ marketing ตอนเข้าไปที่ตลาดประเทศอเมริกาใหม่ๆ (แบรนด์ ต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส)
รองเท้าวิ่งของ Hoka เริ่มต้นมาในปี 2009 ภายใต้แนวคิด maximalist หรือ บุโฟมกันกระแทกกันให้สุดๆ มาสวนกระแสในช่วงที่วงการรองเท้าวิ่งกำลังมีรองเท้าแบบ minimal ที่ทำให้การวิ่งมีความรู้สึกเหมือนวิ่งเท้าเปล่าเข้ามา
โดยมีจุดเด่น 3 อย่าง
1) เน้นรับแรงกระแทกจากความ “หนา” ของพื้น
2) พื้นมีขอบขึ้นมา เรียกว่า “active foot frame” ให้ความรู้สึกเท้าอยู่ “ใน” พื้นรองเท้า (เทียบกับปรกติที่เท้าอยู่ “บน” พื้นรองเท้า)
3) พื้นที่โค้ง ทรงเหมือนเก้าอี้โยก (rocker shape) ให้ถ่ายน้ำหนัก (foot transition) ไปสู่หน้าเท้าได้ราบรื่น
รองเท้าที่ทดลอง คือ Clifton เป็นรุ่น flagship แนว วิ่งถนน สำหรับเท้า neutral ของยี่ห้อนี้ โดยปัจจุบันก็เป็นรุ่นที่ 5
☑️ สิ่งที่คาดหวัง
ด้วยความที่ไม่เคยลองยี่ห้อนี้เลย สิ่งที่คาดหวัง คือ ภาพลักษณ์ของแบรนด์จากที่เคยได้ยินมา
“หนา + นุ่ม + พื้นโค้ง + maximum support”
☑️ First Impression
พอได้รองเท้ามาครั้งแรก
– หนาจริง หนามาก สมคำล้ำลือ พื้นสูงราว 3 ซมได้ ขณะเดียวกัน ที่สังเกตได้อีกอย่างคือ พื้นไม่ได้สูงขนาดที่เห็น พื้นที่เห็นจากด้านนอก เป็นขอบของพื้นตามคอนเซ็ปท์ “active foot frame”
– พื้นโค้งจริง ลองใส่แล้ว ยังงงอยู่ว่าวิ่งแล้วจะเป็นยังไง (ปรกติใส่รองเท้า Asics Nimbus และ Asics Tarther Zeal ซึ่งพื้นไม่โค้ง) แล้วพอรวมกับพื้นหนา ยิ่งนึกไม่ออก หรือว่าต้องวิ่งลงส้นไหม (ปรกติลงกลางเท้า)
– น้ำหนักเบาใช้ได้เลย สำหรับ support เยอะขนาดนี้ ไซส์ 10.5 US รุ่นหน้ากว้าง (2E) น้ำหนัก 10.5 ออนซ์ (297 กรัม) เทียบกับ Asics Nimbus ไซส์เดียวกัน น้ำหนัก 11.6 ออนซ์ (328 กรัม)
☑️ ความรู้สึกหลังใช้งาน
– ความหนา และ ความโค้ง ของพื้น พอได้วิ่งจริง 10 – 15 นาทีก็ปรับตัวได้เริ่มชิน
– เป็นพื้นหนา ที่รู้สึกมั่นคง (stable) อาจจะมาจาก พื้นโฟมที่ป้านออก ให้ฐานกว้างขึ้น (เทียบกับ บางรุ่นที่หนาแล้วเรียว เช่น Nike Zoom Fly)
– พื้นโค้งๆช่วยให้การ transition หรือการถ่ายน้ำหนักระหว่างการลงเท้าจนถึงการส่งตัวไปข้างหน้า เป็นไปแบบนุ่มนวล แม้รอบขา cadence จะต่ำซึ่งจะช่วยทำให้นักวิ่งที่เพซสูงวิ่งได้สบายขึ้น
– จากลองหนแรก ยังอยู่ระหว่างจูนกัน มีลงส้นเยอะ พอจูนกันติด ก็กลับมาลงกลางเท้าเหมือนปรกติ
– จากที่สังเกต ข้อดีอีกข้อของพื้นรองเท้าโค้งของ Hoka ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน คือ พื้นรองเท้าช่วยทำให้เวลาวิ่งลงเนิน ที่มักจะลงน้ำหนักที่ส้นเท้า
ส้นเท้าที่โค้งเพิ่มความเสถียรและส่งต่อในการ transition การถ่ายน้ำหนักจากส้นเท้าไปที่กลางเท้ามีความนุ่มนวลกว่ารองเท้าพื้นแบนปกติ (ที่ใช้อยู่) ที่เวลาเราลงน้ำหนักที่ส้นเท้าเวลาลงเนิน เราจะ transition ไปที่กลางเท้าแบบกระแทกลงพื้น (slapping)
Clifton5 ที่มีพื้นรองเท้าโค้งจะทำให้ สามารถเอนตัวถอยหลังเล็กน้อย แล้วลงน้ำหนักที่ส้นเท้า ความโค้งของพื้นรองเท้าจะช่วยถ่ายน้ำหนัก ทำให้สุดท้ายวิ่งลงเนินได้นุ่มนวลและเร็วขึ้น
– “ไม่นิ่ม” อันนี้ชัดเจน จะออกแนว “แน่น” นำ แล้ว แอบ “นุ่ม” และขัดกับโฆษณา Clifton 5 ที่เห็นเป็น mash mellow เคยได้ยินว่ารุ่นแรกของ Clifton จะนิ่มกว่านี้ (ไม่เคยลอง) แต่ Clifton 5 ชัดเจนว่าออก “แน่น เฟิร์ม ไม่ยวบ”
– วันที่ ลองใส่วิ่ง 21 กม แปลกที่พอถึงระยะ 17-18 กม รู้สึกว่าเมื่อยน่องและหน้าแข้งกว่ารองเท้าคู่อื่น
หรือว่า พื้นรองเท้า ถือเป็น low drop (5 mm drop) มีผลให้การลงเท้าปรับไปใช้กล้ามเนื้อที่ไม่เหมือนเดิม ?? และ 21 กม เป็น ระยะสูงสุดที่ทดลอง ระยะอื่นก็ไม่เจออาการนี้
– ด้านความทนทาน ดีกว่าที่คิดไว้ ทั้งที่พื้นรองเท้าแทบไม่มียาง outsole เลย (เพื่อให้น้ำหนักเบา)
จากที่ใช้วิ่งไปแล้วประมาณ 60 กม มีทั้งวิ่งช้า วิ่งเร็ว ตามพื้นถนน วิ่ง light trail ขึ้นเขา และ วิ่งลู่ไฟฟ้า แทบไม่มีรอยสึกใต้พื้น และ การรับแรงกระแทกก็ไม่เปลี่ยน ถือว่าความทนทานสอบผ่านเลย (แน่นอนขึ้นกับการใช้งาน และการลงเท้าด้วย เช่น ถ้าวิ่งลากเท้า ก็โอกาสพื้นสึกได้เร็วขึ้น)
☑️ Wide Foot Option
– ชอบมาก ที่มีให้เลือก ทั้งแบบหน้าเท้าปรกติ และหน้าเท้ากว้าง มีไม่กี่ยี่ห้อ ที่วางขายในเมืองไทย ที่มี “หน้ากว้าง” และ คู่ที่ลองเป็นหน้าเท้ากว้าง
☑️ Neutral Shoe
Clifton 5 เป็นรองเท้า neutral ที่พื้นมีโครงสร้างใต้อุ้งเท้า คนที่โค้งมีอุ้งเท้า (neutral foot) ไม่น่ามีปัญหาอะไร (รองเท้า neutral นี่เนอะ)
ส่วนคนเท้าแบน (flat foot) จะรู้สึกเหมือนมีอะไร “ดุน” อยู่ใต้อุ้งเท้าตลอดเวลา ใส่นานๆ มีโอกาสไม่ชอบ
คำถาม: เห็นว่ามี option สำหรับคน “เท้ากว้าง” แล้วนี่บอกไม่เหมาะกับคน “เท้าแบน” ??
คำตอบ: “เท้ากว้าง” แยกกันกับ “เท้าแบน”
เท้ากว้าง คือ หน้าเท้ากว้าง (ตรงข้ามคือเท้าเรียว)
ส่วนเท้าแบน คือ อุ้งเท้าติดพื้น (ตรงข้ามคือเท้า neutral หรือ มีโค้งอุ้งเท้า)
☑️ Bonus = Works great as “travel shoe”
ด้วยความ “แน่น” ของพื้น แถมด้วยความ “นิ่ม” นิดๆ เลยเลือก Clifton 5 เป็นรองเท้าที่ใส่เดินทางไปทริป ที่ต้องทั้งเดินทั้งวัน ขึ้นรถ ลงเรือ ขึ้นเขา ลงรถไฟ “ความแน่น แบบแอบนุ่ม” ทำให้เดินทางเยอะ เท้าก็ไม่ล้า ส่วนตัวชอบมากกว่า รองเท้าที่นิ่มเกินไป
และ พื้นรองเท้าก็ยึดเกาะได้ดี จากที่ทดลองที่ พื้นเปียก พื้นหญ้า พื้นเทรล กระทั่ง พื้นหินอ่อน
ราคาป้าย 4,990 บาท
วางขายแล้ว ที่
– ร้าน รองเท้าวิ่ง Run2Paradise ศรีนครินทร์
– ร้าน Monster Run Thailand พระราม 3
– ร้าน Doctor Sports เชียงใหม่
– ร้าน Sport Studio ตรัง
– ร้าน Sport and Shoes Lab หาดใหญ่
– ร้าน REV RUNNR ทุกสาขา
Central ปิ่นเกล้า ชั้น 2
Terminal 21 ชั้น 2
CentralWorld ชั้น 3
ZPELL Future รังสิต ชั้น G
Megabangna ชั้น 2
The Mall โคราช ชั้น 2
Siam Paragon (SportsMall) ชั้น 2
The Mall บางกะปิ (SportsMall) ชั้น 2
The Emporium (SportsMall) ชั้น 2
The Mall บางแค (SportsMall) ชั้น 2
Emqaurtier (Q Stadium) ชั้น 1
Jungceylon ภูเก็ต (Sports World) ชั้น 1
#outrunTH
#HokaOneOne #HokaOneOneThailand #Clifton5 #HokaClifton5 #HokaOneOneClifton5 Sports Revolution
หมายเหตุ
ส่วนหนึ่งของรีวิวนี้ คือ ทริปที่เดินทางไปเมือง เจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
พื้นผิวที่ว่าทดลองวิ่ง บนหญ้า ปนกับ light trail / dirt road ก็มาจากวิ่งระหว่างทริปนี้ (มีรูปท้ายอัลบั้ม)
เจนีวาไม่ใช่เมืองหลวง เป็นเมืองที่ใหญ่ อันดับ2 ในประเทศ และเป็นที่ตั้งของหน่วยงานระหว่างประเทศดังๆเช่น United Nations (UN) World Health Organisation (WHO) CERN ไม่แปลกที่พวกเราก็เลยคุ้นหูกับชื่อเจนีวาเป็นพิเศษ
ตัวเมืองเจนีวา ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา รอบล้อมไปด้วยเทือกเขาแอล์ป ยอดเขา Mont Blanc ห่างจากที่นี่แค่ 80 กว่าๆกิโลเมตร ดังนั้นรับรองได้ว่าวิวสวยแน่นอน
เส้นทางวิ่งที่อยากแนะนำ คือ เส้นทางคลาสสิคประจำเมือง เริ่มต้นจากลานหน้าองค์กรสหประขาชาติ ตรงนี้จะมีเก้าอี้สามขายักษ์ สูง12เมตร ที่เรียกว่าเป็นแลนด์มาร์คประจำเมืองก็ได้
จากจุดนี้ เราวิ่งขึ้นเขา ผ่านสถานทูตหลากหลายชาติประมาณ2กม. แล้วอ้อมลงมาที่ถนนริมทะเลสาบด้านเหนือ ผ่านสถานทูตจีนที่ตั้งอยู่ติดทะเลสาบวิวพันล้าน แล้ววกเข้ามาในสวนสาธารณะที่จะเป็นจุดเริ่มต้นทางวิ่งริมทะเลสาบ ทางวิ่งกว้างพื้นเรียบสบายเท้ามาก ระยะทางยาวๆไปประมาณ10กม. ไปจนถึงด้านฝั่งทิศใต้ของทะเลสาบ
เส้นทางนี้ก็จะผ่านแลนด์มาร์คดังๆเช่น สะพาน Pont du Mont-Blanc ที่อยู่ติดปากแม่น้ำและเป็นสะพานที่ประดับธงสวิสและธงประจำเมือง ผ่านสวน English Gardens และก็น้ำพุสัญลักษณ์ประจำเมือง Jet d’Eau ในทะเลสาบเจนีวาและยิงน้ำสูงถึง 140 เมตร (เตี้ยกว่าตึกใบหยก1นิดเดียว)
ระหว่างทาง จะผ่าน 2 สวนสาธารณะ ม้านั่งเต็มไปหมด ใครเหนื่อยอยากนั่งพัก หรือแค่อยากนั่งชมวิวและเซลฟี่ก็สบายมาก
ช่วงเช้าๆนักวิ่งฝรั่ง จีน เกาหลี ไทย ญี่ปุ่น มากันเพียบเลยครับ
อีกอย่างที่เด็ดมากของการวิ่งในเมืองนี้ก็คือ
“ก็อกน้ำ”
ใช่ครับก็อกน้ำ หรือที่เขาเรียกว่า drinking fountain ที่พบได้ทั่วไปในเมือง หรือระหว่างเส้นทางวิ่งก็จะเจอแทบทุก10นาที
น้ำก็อกที่นี่ดื่มได้เลยครับ น้ำไหลตลอดเวลาไม่ต้องมากดปุ่ม
แล้วน้ำก็อกตามถนนมันดื่มได้เหรอ?
ถ้าไปเปิดแผนที่ดูคุณจะเห็นว่ามีเมืองชื่อ Evian ของประเทศฝรั่งเศษห่างไปไม่ถึงร้อยกม.จากที่นี่
น้ำแร่ขวดละเกือบร้อยมันก็มาจากเมือง Evian ที่ว่านี่แหละครับ ดังนั้นน้ำประปาเมืองนี้ดื่มได้สบายมาก นักวิ่งเลยสบายไป ไม่จำเป็นต้องพกขวดน้ำมาเอง