Jennifer Smith ผู้หญิงที่หนักเกือบ200โล ผู้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า “น้ำหนักไม่ใช่อุปสรรคในการวิ่ง”
Jennifer Smith (เจนนิเฟอร์ สมิธ) พูดเสมอว่า ถ้าเธอเป็นคนสุดท้ายที่วิ่งเข้าเส้นชัยล่ะก็ เธอจะเลิกวิ่ง! เส้นทางการวิ่งตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเธอ เธอมักจะวิ่งรั้งท้ายอยู่ด้านหลังคนอื่นเสมอ จนเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา เธอสามารถเขยิบตำแหน่งรั้งท้ายวิ่งแซงคนอื่นขึ้นมาได้จนจบมาราธอน
นี่คือการวิ่งมาราธอนครั้งแรกของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอคาดหวังไว้ว่า สักวันหนึ่งเธอจะต้องลงแข่งมาราธอนให้ได้ แต่ก็ไม่คาดฝันว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้ โดยปกติแล้วเธอจะลงวิ่งแข่งขันที่ระยะ 5K และไกลที่สุดที่เธอเคยวิ่งได้ก็คือแปดไมล์ (12.8 กิโลเมตร)
Jennifer Smith มีน้ำหนักตัวมากถึง 346 ปอนด์ หรือประมาณ 157 กิโลกรัม เมื่อเธอชั่งน้ำหนักก่อนการแข่งขันนั่นก็ทำให้เธอไม่ได้คาดหวังถึงการทำเวลาที่ดีในการวิ่งเข้าเส้นชัยเลย เธอเพียงแค่อยากจะวิ่งให้จบการแข่งขันก็เท่านั้น
การวิ่งฟูลมาราธอนได้สำเร็จจึงดูเป็นเรื่องใหญ่และไกลตัวสำหรับเธอมาก เนื่องจากเธอพยายามหาวิธีที่จะทำให้สุขภาพของตัวเองดียิ่งขึ้น เธอต่อสู้กับการพยายามที่จะลดน้ำหนักตัวของเธอมาหลายปีและเธอเคยมีน้ำหนักสูงถึง 380 ปอนด์ (172 กก.) หลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุก็ทำให้เธอไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้
เธอได้รับการผ่าตัดถึงสองครั้ง และไม่สามารถที่จะเดินได้เลยเป็นเวลาสามเดือนหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บจาก roller derby (ลูกกลิ้งดาร์บี้) เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2013 เธอก็ได้แต่นั่งและนอนจนทำให้น้ำหนักตัวของเธอเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาสามเดือน เธอจึงตัดสินใจที่จะเริ่มฝึกเดินและเริ่มด้วยระยะทางสั้นๆนั่นคือ 5K
ช่วงที่เธอเริ่มเล่นกีฬาเป็นครั้งแรก เธอต้องใช้ความพยายามมาก เธออยากที่จะวิ่งให้ได้เร็วขึ้น แต่ร่างกายของเธอก็ไม่เป็นเช่นนั้น ในการแข่งขัน 5K แรกของเธอ เธอใช้เวลา 90 นาที แต่นั่นก็ถือว่าเธอก็ทำได้สำเร็จ! และในครั้งถัดๆมา เวลาของเธอก็ลดลงเรื่อยๆ
เหตุการณ์สำคัญที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอเกิดขึ้นในปี 2018 เมื่อในที่สุดเธอก็ทำลายกำแพงเวลาของการแข่งขัน 5K ได้ แต่สิ่งที่เป็นแรงกระตุ้นให้เธอมากที่สุดก็คือ การที่คนอื่นๆได้เห็นเธอในการแข่งขันและพวกเขาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวประหลาดเลย พวกเขากลับมองเห็นเธอเป็นแรงบันดาลใจ นักวิ่งที่มีน้ำหนักมากคนอื่นๆก็ออกสตาร์ทมาพร้อมกับเธอ
เธอเล่าถึงพ่อของตัวเองว่า พ่อของเธอสนับสนุนการวิ่งของเธอเสมอ และพ่อมักจะบอกกับเธอว่า เธอสามารถทำอะไรก็ได้ทุกอย่างที่เธออยากจะทำ และถ้าเธอวิ่งแข่งมาราธอน พ่อก็จะคอยเป็นกำลังใจและไปเชียร์ในวันที่เธอลงแข่งด้วย และเธอก็ได้สัญญากับพ่อของเธอว่า สักวันหนึ่งเธอจะต้องทำมันให้ได้!
เจนนิเฟอร์ สมิธ วางแผนและหาข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันมาราธอน และเธอทราบดีว่าการวิ่งมาราธอนส่วนใหญ่มักจะมีข้อกำหนดด้านเวลา ซึ่งส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณเจ็ดชั่วโมง ซึ่งเธอคิดว่าเธอไม่สามารถทำมันได้ เธอต้องการงานแข่งวิ่งแบบ leave-no-man-behind (ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง) ซึ่งเป็นงานที่หายาก แต่เธอก็พบการแข่งขัน Mainly Marathons Heartland Series ในเมือง Clinton เธอจึงวางแผนที่จะลงแข่งวิ่งในรายการนี้
การวางแผนของเธอเริ่มต้นล่วงหน้าหนึ่งปี โดยที่เป้าหมายของเธอไม่ได้ต้องการวิ่งเพื่อตัวเอง แต่เธอต้องการวิ่งเพื่อใครก็ตามที่คิดว่าตัวเองวิ่งไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่รู้สึกว่าตัวเองมีน้ำหนักมาก ดังนั้น เธอลงทะเบียนในขณะที่เธอมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 380 ปอนด์ (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองกิโลกรัม) และยื่นไปยัง Guinness World Records ทันที เพื่อดูว่าเธอจะมีคุณสมบัติครบสำหรับการบันทึกสถิติการวิ่งมาราธอนในฐานะผู้หญิงที่หนักที่สุดได้หรือไม่ ซึ่งเจ้าของสถิติคนปัจจุบันคือ Ragen Chastain ผู้จบ Full Marathons ที่มีน้ำหนัก 288 ปอนด์ หรือประมาณ 130 กิโลกรัม เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2017
เมื่อเธอได้รับการอนุมัติจาก Guinness และแพทย์ของเธอ เธอก็นับถอยหลังเข้าสู่วันแข่งทันที แต่มันเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับเธอ เพราะเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา พ่อของเธอเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย แม้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำใจและรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอได้ แต่เธอก็ใช้มันเป็นแรงบันดาลใจในการทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับพ่อของเธอ
เช้าในวันที่ 11 กรกฎาคม ณ จุด Start ที่รายล้อมไปด้วยนักวิ่งจำนวน 80 คน เธอรู้สึกไม่มั่นใจเหมือนกัน เพราะการฝึกซ้อมของเธอไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอวิ่งได้ไกลที่สุดเพียงแค่ 8 ไมล์เท่านั้น ทำให้เธออดคิดในใจและพูดกับตัวเองไม่ได้ว่า “นี่ฉันบ้าไปแล้วหรือเปล่า ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย”
แล้วความคิดเหล่านั้นก็ค่อยๆลดลงเมื่อการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้น การวิ่งมาราธอนนั้นประกอบไปด้วยการวิ่งรอบสนาม 12 รอบ ซึ่งนักวิ่งจะต้องหยิบ rubber band ทุกครั้งที่วิ่งจบรอบ เธอเริ่มออกตัวและอยู่หลังสุด ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 21-22 นาทีต่อไมล์ จนถึงกิโลเมตรที่ 27 เธอก็เริ่มชะลอตัวลง และเริ่มกลับมามีความกังวลอีกครั้งในกิโลที่ 32 เธอเริ่มรู้สึกเจ็บแผลพุพองและไม่แน่ใจว่าจะไปต่อไหวไหม แต่เธอก็คิดถึงพ่อของเธอที่แสดงออกให้เธอเห็นอยู่เสมอว่า “ฉันสามารถทำได้ทุกอย่างที่ฉันตั้งใจจะทำ” เมื่อนึกได้ดังนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าและรับรู้ว่าพ่อของเธอกำลังมองดูเธออยู่ เธอจึงไม่อยากทำให้เขาผิดหวังในตัวเธอ
สิบกิโลเมตรสุดท้ายนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่สุดเสมอ เมื่อเธอวิ่งมาถึงโค้งสุดท้ายในรอบที่ 12 และเห็นเส้นชัยอยู่ตรงหน้า เธอก็ค่อยๆวิ่งเหยาะๆช้าๆจนจบเข้าเส้นชัยได้ในที่สุด!
ในตอนท้ายของการแข่งขัน จะมีกริ่งที่นักวิ่งจะต้องกด แต่เธอเหนื่อยมากจนกดตอนแรกไม่ไหว แล้วเมื่อเธอทำมันสำเร็จ มันทำให้เธอมีความสุขมากจนลืมความเจ็บปวดของร่างกายตัวเอง แต่กลายเป็นความตื่นเต้นที่เข้ามาแทนที่ มีผู้คนมากมายที่ลุ้นว่าเธอจะทำมันได้สำเร็จหรือไม่ และในที่สุดเธอก็ทำมันสำเร็จจนได้
Final time ของ Jennifer Smith คือ 11:50:36 กลายเป็น ผู้หญิงที่หนักที่สุดที่สามารถวิ่งมาราธอนได้จนจบ (บันทึกอย่างไม่เป็นทางการ) และด้วยการออกกำลังกายที่เพิ่มขึ้นของเธอระหว่างการฝึกซ้อม ทำให้น้ำหนักของเธอลดลงมาเกือบ 40 ปอนด์
แม้ว่าสถิติของเธอจะยังไม่เป็นทางการจนกว่าจะมีการตรวจสอบโดย Guinness ให้เรียบร้อย แต่เธอก็รวบรวมหลักฐานที่จำเป็นทั้งหมดไว้และกำลังเตรียมที่จะส่งมันเพื่อตรวจสอบ ทั้งวิดีโอคำแถลงพยานน้ำหนักเริ่มต้นและสิ้นสุด รวมถึงข้อมูลการติดต่อของผู้อำนวยการแข่งขัน
นี่ไม่ใช่จุดจบในการวิ่งของ เจนนิเฟอร์ สมิธ เธอต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ไม่ว่าใครก็ตามสามารถวิ่งแบบเธอได้ แม้ว่าจะหนักเป็นร้อยโล ก็ไม่ใช่อุปสรรคในการลุกขึ้นมาเอาชนะใจตัวเอง
หลังจากจบมาราธอนเธอก็ได้เรียนรู้ว่า ระยะทาง 50K นั้นมันมากกว่ามาราธอนแค่ห้าไมล์เท่านั้น! เธอจึงมองหาการแข่งวิ่งรายการใหม่ของปี 2020 และเธอก็ได้ตัดสินใจสมัครแข่งวิ่ง 50K ไปเรียบร้อย
เธอกล่าวว่า.. ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำไปทั้งหมด เธออยากที่จะเป็นแบบอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้าท้าทายความสามารถของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องสนว่าจะมีน้ำหนักมากขนาดไหน มีใครหลายต่อหลายคนมักจะบอกกับเธอว่า พวกเขาวิ่ง 5K ไม่ได้หรอก มันมากและยากเกินไปสำหรับพวกเขา เธอจึงบอกพวกเขาเหล่านั้นว่า เธอเริ่มต้นวิ่งสามไมล์ด้วยการใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ดังนั้น ถ้าเธอทำได้ คุณก็ทำได้!!
ที่มา : runnersworld
🏃 ♂
.
[AD]
แจกจริง แจกหนัก GARMIN, SUUNTO, FITBIT 122 วัน 122 เรือน
เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC คลิก bit.ly/ฺBNC122
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming