มารู้จัก Tour de France การแข่งขันจักรยานทางไกลอันดับ 1 ของโลก
เชื่อว่านักปั่นจักรยานจำนวนมาก ต้องรู้จักการแข่งขันจักรยานทางไกลที่ชื่อว่า Tour de France เป็นอย่างดี เล่นปั่นกันตลอด 21 วัน ครอบคลุมระยะทางประมาณ 3,500 กิโลเมตร ขนาดเพื่อน ๆ ที่ทำงานของผมเอง แม้ว่าจะไม่ได้ปั่นจักรยานก็ยังรู้จัก เพราะผ่านหูผ่านตาจากข่าวกีฬาในทุก ๆ ปี แต่อย่าถามถึงประวัติของการแข่งขันรายการนี้เลยเชียว เพราะแต่ละคนมักจะตอบว่า จะไปรู้ได้อย่างไร เพราะตั้งแต่จำความได้ก็ได้ยินชื่อนี้มาจากข่าวกีฬาแล้ว เห็นนักปั่นจักรยานใส่เสื้อผ้าฟิต ๆ ปั่นจักรยานขึ้นลงเขากันอยู่ รู้แค่นี้แหละ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมเลยจะขอมาแชร์ประวัติของการแข่งขันอันยิ่งใหญ่นี้สักหน่อยครับ ถือว่าเป็นเกร็ดความรู้ที่เอาไปเม้าท์กับเพื่อน ๆ ได้เลย
Tour de France คือ รายการแข่งขันจักรยานทางไกลที่จัดขึ้นทุกปีในประเทศฝรั่งเศส โดยการแข่งขันมักจะกินระยะเวลาทั้งหมดราว 3 สัปดาห์ เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1903 และงดไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 จากนั้นก็กลับมาจัดใหม่อีกครั้ง ยาวนานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าจะลองนับจำนวนปีตั้งแต่จัดรายการแข่งขันนี้ครั้งแรก ก็จะมีอายุมากกว่า 115 ปีแล้วล่ะครับ เก่าแก่มากจนไม่น่าแปลกใจว่าทำไมหลาย ๆ คนถึงไม่รู้ที่มาของรายการนี้กันสักเท่าไหร่
แม้ว่ารายการแข่งขันจักรยานทางไกลที่โด่งดังระดับโลกก็จริง
แต่ก็ยังมีงานปั่นแข่งขันจักรยานทางไกลอีก 2 รายการที่โด่งดังไม่แพ้กัน ได้แก่ Giro d’Italia ที่จัดขึ้นในประเทศอิตาลี ช่วงเดือนพฤษภาคม และ Vuelta a España ซึ่งจัดขึ้นในประเทศสเปน ช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเราจะเรียกรวม 3 รายการแข่งขันอันโด่งดังนี้ว่า Grand Tour ใครที่ติดตามวงการการแข่งขันจักรยานทางไกลมาตลอด จะรู้จักและติดตามกันเป็นประจำทุกปี
การแข่งขันจักรยานทางไกล ถือกำเนิดขึ้นจากการท้าทายกันครับ
ซึ่งผมถือว่าเป็นการท้าทายที่สร้างสรรค์มาก เพราะทำให้เกิดการแข่งขันอันโด่งดังนี้ขึ้น โดยการท้าทายเกิดขึ้นที่หน้าหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสที่มีชื่อว่า L’Auto มีการบันทึกไว้ว่า..
ในปีแรกที่จัดการแข่งขันนั้น มีนักปั่นจักรยานเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 60 คน แต่สามารถเข้าเส้นชัยได้เพียงแค่ 21 คนเท่านั้น ทำให้ชื่อเสียงด้านความโหดหินของการแข่งขันนี้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ได้รับความสนใจจากคนจำนวนมาก กล่าวกันว่าในการแข่งขันช่วงสุดท้ายที่จัดขึ้นในกรุงปารีส มีผู้คนมาเข้าร่วมชมตามสองข้างทางเป็นจำนวนมากถึงกว่าหนึ่งแสนคน และนั่นคือที่มาของประเพณีการกำหนดจุดสิ้นสุดของการแข่งขันที่ประตูชัย จตุรัสเดอเลตวล ปารีส ในทุก ๆ ปี
สภาพอากาศในช่วงของการแข่งขัน ซึ่งก็คือช่วงเดือนกรกฎาคมนั้น ไม่น่ากังวลครับ อุณหภูมิกำลังดี อากาศสบาย ๆ เหมาะกับการปั่นจักรยานทางไกล แต่ จะเอาแน่เอานอนกับลมฟ้าอากาศไม่ได้เสมอไป ดังนั้นบางปีนักปั่นจึงต้องประสบกับปัญหาอากาศร้อนจัด ซึ่งก็ส่งผลให้ความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อร่างกายของนักปั่นที่เข้าร่วมแข่งขันมีเพิ่มสูงมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ คงทำได้แค่เพียงพยายามวางแผนดี ๆ และระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้นเป็นพิเศษ
อีกสิ่งหนึ่งที่นักปั่นจะต้องวางแผนและเตรียมตัวเป็นอย่างดี
ก็คือทักษะการซ่อมแซมและแก้ไขปัญหาทางเทคนิคที่อาจเกิดขึ้นกับจักรยานในระหว่างการแข่งขันครับ เนื่องจากนักปั่นต้องแก้ไขปัญหาทางเทคนิคเกี่ยวกับจักรยานด้วยตัวเองทั้งหมด เพราะกฎของการแข่งขันระบุไว้ว่าคนอื่น ๆ ไม่มีสิทธิ์เข้าช่วยเหลือ
ตรงนี้แหละครับ ที่จะกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ต้องออกจากการแข่งขัน เพราะบางทีปัญหาทางเทคนิคที่เกิดขึ้น ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้เอง ดังนั้นการเตรียมจักรยานให้พร้อม และวางแผนเช็คเส้นทางล่วงหน้าให้ดีก่อนจะเข้าร่วมงานปั่นจักรยานจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสุด ๆ
หากจะพูดถึงเรื่องของสภาพร่างกายของนักปั่นที่เข้าร่วมแข่งขันรายการนี้
ก็คงไม่ต้องพูดอะไรเยอะ เพราะนักปั่นที่จะสามารถปั่นจักรยานเป็นระยะเวลายาวนานต่อเนื่องในเส้นทางสุดโหดแบบนี้ได้ จะต้องมีสภาพร่างกายที่ฟิตมากและแข็งแรงสุด ๆ อยู่แล้ว แต่ผมมองว่า สภาพร่างกายอย่างเดียวคงไม่พอ น่าจะต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งและมุ่งมั่นอย่างมาก พร้อมกับต้องมีเทคนิคการปั่นจักรยานที่มากพอที่จะผ่านบททดสอบทุกสนามไปให้ได้
นอกจากนี้ยังต้องมีความกล้ามากพอที่จะเอาตัวมาเสี่ยงกับอันตรายรอบด้าน เพราะการแข่งขันรายการนี้มักจะมีข่าวออกมาเสมอว่าเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการแข่งขัน นักปั่นบางรายถึงกับเสียชีวิตเลยก็มี เรียกว่าต้องทุ่มกันสุดตัวจริง ๆ สำหรับนักปั่นที่เข้าแข่งขันในรายการนี้
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นเสน่ห์สำคัญของการแข่งขันปั่นจักรยานทางไกลอย่าง Tour de France
ก็คือวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของแต่ละเมืองที่มีเส้นทางการแข่งขันผ่านไปครับ หลายคนที่ไม่ใช่นักปั่น แต่ชอบติดตามการถ่ายทอดสดของการแข่งขันรายการนี้ ก็ยอมรับกับผมว่าวิวข้างทางมันสวยงามและแปลกตาดีจริง ๆ ทั้งยังช่วยทำให้รู้จักเมืองสวย ๆ ของฝรั่งเศสเพิ่มมากขึ้นด้วย
ส่วนนักปั่นจักรยานอย่างเรา ๆ นอกจากชมวิวแล้วก็ยังได้สังเกตอะไร ๆ จากนักปั่นที่เข้าแข่งขันอีกหลายอย่าง ดูแล้วก็เป็นแรงใจให้ปั่นจักรยานกันต่อ และไม่แน่ว่าในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า ผมหรือคุณผู้อ่านอาจจะเป็นผู้ลงแข่งขันคนหนึ่งในรายการนี้ ก็เป็นได้