รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับวิตามิน D ที่นักวิ่งควรรู้
ทำไมเราถึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินดี? ตามทฤษฎีแล้วเราจะได้รับวิตามิน D เกินความต้องการของร่างกายจากการทานอาหารอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงตัวเลือกของอาหารที่มีวิตามิน D นั้นมีจำกัด โดยเราอาจได้รับวิตามิน D จากอาหารเพียง 20% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการ ส่วนที่เหลือมาจากการได้รับแสงแดดและอาหารเสริม
วิตามิน D มีความสำคัญต่อสุขภาพกระดูก และการดูดซึมแคลเซียมกับฟอสฟอรัส โดยจะถูกผลิตขึ้นมาหลังจากที่ผิวของเราสัมผัสกับแสง UVB และสามารถพบได้ในอาหารบางชนิด ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงได้รับวิตามิน D จากแสงแดดและอาหารเพียงพออยู่แล้ว
รัฐบาลอังกฤษกล่าวถึงการทานอาหารเสริมวิตามิน D อย่างไรบ้าง
ในช่วงไวรัสระบาดนี้รัฐบาลแนะนำให้คนอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งจะทำให้ได้รับแสดงแดดน้อยลง จึงมีคำแนะนำให้ได้รับวิตามิน D วันละ 10 ไมโครกรัม ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับการป้องกันไวรัส แต่จะช่วยให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง
อาการขาดวิตามิน D ในนักวิ่งเป็นยังไง

วิตามินมีความสำคัญต่อสุขภาพและการเติบโต และการขาดวิตามินสามารถนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพได้ การขาดวิตามิน D จะทำให้กระดูกอ่อนแอทำให้เกิดความผิดปกติและอาจทำให้นักวิ่งกระดูกร้าวได้ อาจทำให้เจ็บกระดูกหรือกระดูกนุ่ม หากปล่อยภาวะขาดวิตามิน D ทิ้งไว้นานอาจเป็นโรคกระดูกพรุน , กระดูกร้าว , เป็นโรคกระดูก , metabolic disorders , มะเร็ง , โรคหลอดเลือดและหัวใจ , โรคออโตอิมมูน , ติดเชื้อ และภาวะสมองเสื่อมได้
อาการขาดวิตามิน D เป็นอย่างไร?
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ออกอาการโดยตรง แต่ก็สามารถสังเกตได้ดังนี้
- มีอาการเหนื่อย ผลการวิจัยของ University of Newcastle แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการขาดวิตามิน D และขาดพลังงานแบบอ่อนๆ
- มีอาการปวดเมื่อยและเจ็บ
- หากมีอาการติดเชื้ออยู่บ่อยๆ แสดงว่าเราอาจได้รับสารอาหารที่สำคัญไม่เพียงพอ
วิธีเดียวที่จะตรวจได้คือ “ต้องไปตรวจเลือด” หากสงสัยว่าตนเองอาจขาดวิตามิน D ก็ควรไปให้หมอตรวจ
ควรทำอย่างไรให้ได้รับวิตามิน D อย่างเพียงพอ
หากได้รับการวินิจฉัยว่าขาดวิตามิน D ทางออกง่ายๆก็คือ การได้รับแสงแดด หากว่าเราเคยวิ่งเฉพาะตอนกลางคืนก็ควรเปลี่ยนไปวิ่งตอนกลางวัน และวิ่งตอน 11 โมง ถึง บ่าย 3 โมงในวันหยุด เพื่อให้ได้รับแสดงแดดที่เข้มข้น การออกไปโดดแดดจ้าเพียงแค่ไม่กี่นาทีหลายรอบในแต่ละวันก็เพียงพอเช่นกัน แต่ถ้าสภาพอากาศไม่เป็นใจก็ต้องใช้วิธีรับวิตามินจากอาหารแทน
อาหารที่เป็นแหล่งรวมวิตามิน D

วิตามิน D สามารถพบได้ใน ไข่ , เนื้อ และปลาไขมันสูง เช่น แซลมอน , แมคเคอเรลและซาร์ดีน แต่อย่างไรก็ตามมันยากที่เราจะได้รับวิตามิน D อย่างเพียงพอด้วยวิธีการทานอาหาร
การวิจัยพบว่าคนส่วนใหญ่มักได้รับวิตามิน D วันละ 5 ไมโครกรัมจากอาหาร ซึ่งคนที่มีอายุเกิน 4 ปี ควรได้รับวิตามิน D วันละ 10 ไมโครกรัม
นักวิ่งควรที่จะซื้ออาหารเสริมวิตามิน D หรือไม่
รัฐบาลอังกฤษแนะนำคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น สตรีมีครรภ์ , เด็กอายุ 5 ปี , คนอายุ 65 ปีขึ้นไป , และคนที่สีผิวเข้ม รวมไปถึงคนที่ไม่ค่อยออกไปโดนแสงแดด ควรได้รับอาหารเสริมวิตามิน D ทุกวัน
ที่มา : https://bit.ly/2XhSiWJ
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming